ในอัลบั้มใหม่ของ Mika ป๊อปสตาร์ชื่อดังสานต่อผลงานของ George Michael
This post is also available in: English
หลังจากเข้าวงการมานาน 12 ปี ศิลปินชาวเบรุตคนนี้หมดอารมณ์กับเรื่องเดิมๆในอุตสาหกรรมเพลงและตัดสินใจนำเสนอสิ่งใหม่ๆด้วยอัลบั้มที่ 5 ของเขาชื่อ My Name Is Michael Holbrook
“ผมมีทีมใหม่” เขาบอก “และผมไม่อยากทำงานในห้องสตูดิโอแบบเดิมๆ เมื่อห้าหรือหกปีก่อน คุณจะต้องเดินทางไปแอลเอเพื่อเขียนเพลงกับนักเขียนคนหรือสองคนเป็นเวลาสองหรือสามวัน แต่เดี๋ยวนี้จะเป็นการนัดประชุมเขียนเพลง ซึ่งคุณจะต้องเขียนเพลงขึ้นมาในเวลาสองสามชั่วโมง ทุกอย่างเป็นเหมือนที่ตัดคุกกี้ที่ทุกคนจบลงด้วยการได้เพลงคล้ายๆกันหมด ผมตัดสินใจว่าผมจะเขียนเพลงที่บ้านของตัวเองและทำงานร่วมกับคนที่พร้อมจะใช้เวลาในสตูดิโอที่บ้านของผมเท่านั้น เพลงที่ผมทำไม่ใช่เพลงที่ตามเทรนด์ไปเรื่อยๆ ผมต้องเข้าใจเนื้อหาในเพลงของผมจริงๆ ผมอยากให้มันมีความใกล้ชิด ความเป็นตัวเอง และโดดเด่นไม่เหมือนใคร”
ในขณะที่ Mika แชร์ DNA เพลงสไตล์ Freddie Mercury รวมถึงความคิดเกี่ยวกับการที่นักร้องพยายามไล่ตามเสียงสูง (Jimmy Somerville พูด) อัลบั้มใหม่ของ Mika นี้ฟังดูเหมือน George Michael เวอร์ชั่นร่วมสมัย ซึ่งเป็นอะไรที่ดีทีเดียว
ในอัลบั้มของเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นแดนซ์ป๊อป ตั้งแต่ความกระหายในเพลง “Ice Cream” (แทบจะเท่ากับเพลง “Lollipop” ของเขาก่อนหน้านี้) ไปจนถึงเพลง “Platform Ballerinas” (ซึ่งมีใครบางคน — ไม่มั่นใจว่าเป็น Mika หรือแฟนของเขา — ตัดสินใจทำคลิปวีดีโอให้เข้ากับเพลงจากฉากในหนังเรื่อง To Wong Foo, Thanks for Everything! Julie Newmar)
นอกจากนั้นเนื้อเพลงของเขาก็มีความละเอียดอ่อนและอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น “Ready to Call This Love” — เพลงคู่กับ Jack Savoretti — เป็นเพลงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่องานแต่งงานทุกประเภท ในขณะที่ “Blue” ซึ่งอาจจะไม่เทียบเท่ากับเพลงชื่อเดียวกันของ Joni Mitchell แต่เพลงนี้ก็ออกมางดงามโดดเด่นจากเพลงอื่นๆของเขาอย่างชัดเจน
ในบทเพลงของเขาไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองหรือเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่กลับเป็นแค่เรื่องราวเล็กๆที่เมื่อรวมกันแล้วสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ชีวิตของคนๆหนึ่ง เริ่มตั้งแต่เพลง “Tiny Love” ที่เป็นเรื่องราวโรแมนติกแบบเล็กๆแต่สม่ำเสมอ โดยเขาได้ทำการโพสท์สตอรี่บนอินสตาแกรมเพื่อขอให้แฟนๆส่งเรื่องราวให้กับเขา โดยกว่า 1,700 คนเห็นโพสท์ของเขาและตัดสินใจแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง
“คุณคิดว่าความสุขหรือความเจ็บปวดของคุณเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อมองจากมุมมองที่ไกลขึ้น” เขาพูด “แต่เมื่อคุณบอกใครสักคนว่า ‘ขอแค่เรื่องนี้ล่ะ เล่าให้ผมฟังหน่อย’ ทุกๆคนกลับพร้อมที่จะระเบิดมันออกมา ความรู้สึกแบบนี้ล่ะที่ทุกคนต้องการ”
ซึ่งนั่นก็รวมถึงตัวศิลปินเองด้วย เพราะอัลบั้มใหม่ของ Mika ชื่อ My Name Is Michael Holbrook คือการย้ำเตือนความเป็นนักเขียนเพลงและนักแสดงของเขา และยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของเขาเข่าสู่ช่วงวัยกลางคน พร้อมกับความสามารถที่จะใช้พรสวรรค์ของตัวเองให้เต็มที่
